ยินดีต้อนรับทุกท่าน สู่เส้นทางธุรกิจ BY KICHPRAPAN BUSINESS TEL : 083-766-3882
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  |  
 ตะกร้าสินค้า (0)
ค้นหาสินค้าในเว็บ
ประเภทสินค้า
สินค้าแนะนำ
สินค้ายอดนิยม
สินค้ามาใหม่ล่าสุด
ประเภทสินค้า : ผลิตภัณท์อาหารเสริม และผลิตภัณท์ กิฟฟารีน
กิฟฟารีนอาหารเสริม
กิฟฟารีนอาหารเสริม
กิฟฟารีนอาหารเสริม

ขมิ้น ชันเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งซึ่งสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพเนื่อง จากมีคุณประโยชน์และงานวิจัยทางด้านการแพทย์รับรองมากมาย
ขมิ้นชัน เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ เนื่องจากมีคุณประโยชน์และงานวิจัยทางด้านการแพทย์กล่าวโดยสรุปได้ดังนี้
1. มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหาร โดยช่วยลดท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหาร บำรุงตับ ลดการเจ็บป่วยจากโรคลำไส้เรื้อรัง
2. มีประโยชน์ต่อระบบหัวใจ หลอดเลือดหัวใจ และ สมอง โดยช่วยในเรื่องโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดการตายของกล้ามเนื้อหัวใจและป้องกันเซลล์สมองตายจากการขาดเลือด
3. มีประโยชน์ในด้านการช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งหลายชนิด ได้แก่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดโลหิตขาว มะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และอาจลดมะเร็งปากมดลูกอีกด้วย
4. มีประโยชน์ในด้านช่วยบำรุงสมอง และอาจช่วยเรื่องอัลไซเมอร์
5. ช่วยฆ่าเชื้อมาเลเรีย ขมิ้นชันมี ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma longa Linn., Curcuma domestica Valeton. ชื่อวงศ์ Zingiberaceae  ชื่อท้องถิ่น ขมิ้นแกง, ขมิ้นชัน, ขมิ้นหยวก, ขมิ้นหัว, ขี้มิ้น, ยากยอ, สะยอ, หมิ้น ส่วนที่ใช้คือ เหง้าสดและแห้ง
ขมิ้นเมื่อใช้ภายนอก มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราและแบคทีเรียได้หลายชนิด แต่บทความนี้จะกล่าวเฉพาะ ประโยชน์ของขมิ้นที่ใช้รับประทานเท่านั้น
ประโยชน์และงานวิจัยทางด้านการแพทย์
ระบบทางเดินอาหาร 
ช่วยท้องอืดเฟ้อ ลดแผลในกระเพาะ ช่วยย่อยอาหาร บำรุงตับ ลดการปวดมดลูก ลดการเจ็บป่วยจากโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
ขมิ้นชันช่วยแก้ท้องอืดเฟ้อด้วยการขับลม ( อ้างอิงที่  1 ) นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ( อ้างอิงที่   2, 3 ) และฤทธิ์ป้องกันตับอักเสบจากสารพิษอีกด้วย  ( อ้างอิงที่ 4, 5 ) จากผลทั้งหมดดังกล่าว ขมิ้นจึงมีผลช่วยบรรเทาอาการปวดท้องเนื่องจากแผลในกระเพาะได้ และช่วยแก้ท้องอืดเฟ้อและช่วยย่อยอาหาร
ระบบหัวใจและหลอดเลือดหัวใจและสมอง
เคอร์คิวมินในขมิ้น มีความเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมากเพียงพอ และมีงานวิจัยในหนูทดลอง ว่าลดการเกิดปริมาณกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือดได้จริง โดยการวิจัยได้ทดลองผูกเส้นเลือดหัวใจ ให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย กลุ่มที่ได้รับสารเคอร์คิวมิน จะมีปริมาณกล้ามเนื้อหัวใจตายน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ( อ้างอิงที่ 6  ) 
ในทำนองเดียวกัน เคอร์คิวมินในขมิ้น มีผลในการป้องกัน เซลล์สมองตายจากการขาดเลือด ได้ จากกลไกการต้านอนุมูลอิสระ ไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กับการแข็งตัวของเกร็ดดเลือด ( อ้างอิงที่ 7  )
ขมิ้นช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งหลายชนิด
ปัจจุบันนี้ ขมิ้นได้รับการวิจัยมากขึ้น และพบว่า สามารถให้เสริมกับยาต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี เพราะช่วยกัน ทำลายเซลล์มะเร็งโดยกลไกอื่น ๆ อีกเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากยาต้านมะเร็ง ( อ้างอิงที่ 8 ) และขมิ้นยังได้รับคำแนะนำว่า น่าจะมีบทบาทในการป้องกันมะเร็งได้มาก เพราะมีกลไกป้องกันมะเร็ง โดยออกฤทธิ์ที่เอนไซม์ ระยะหนึ่งและสอง
( Phase I and II carcinogen-metabolizing enzymes )  ในการทำงานก่อมะเร็งของสารเหนี่ยวนำมะเร็งอีกด้วย     ( อ้างอิงที่ 9 ) 
เคอร์คิวมินในขมิ้น มีฤทธิ์ยับยั้ง และทำลายเซลล์มะเร็งของมนุษย์ได้หลายชนิด เช่น เซลล์มะเร็งตับ  เซลล์มะเร็งเม็ดโลหิตขาว T cell Leukemia  เซลล์มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ Bladder cancer cell เซลล์มะเร็งปอด ชนิด non small cell Carcinoma ทำให้มีการเสนอแนะว่า ขมิ้นชัน น่าจะมีบทบาทในการป้องกันมะเร็งปอดในผู้ที่สูบบุหรี่  เซลล์มะเร็ง ผิวหนัง ( melanoma ) เซลล์มะเร็งต่อมนำเหลือง Non-Hodgkin's lymphoma. เซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ ( Human colon adenocarcinoma  ) เซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก  เซลล์มะเร็งรังไข่ เซลล์มะเร็งเต้านม และเนื่องจากขมิ้นยับยั้ง ไวรัสหูด HPV ซึ่งเป็นสาเหตุหลักและปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูก ทำให้อาจจะมีที่ใช้ในการป้องกันมะเร็งปากมดลูก ( อ้างอิงที่  10-20  ) 
ขมิ้นบำรุงสมอง อาจจะช่วยเรื่องอัลไซเมอร์
ปัจจุบัน มีการค้นพบว่า โรคอัลไซเมอร์ หรือสมองเสื่อม มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมากในกลุ่มที่อายุน้อยลงเรื่อย ๆ และกลไกของการต้านอนุมูลอิสระ อาจมีบทบาทในการป้องกันการเกิดโรคนี้ได้ ซึ่งตอนนี้ ได้มีงานวิจัย ที่บอกว่า ขมิ้นก็เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่น่าจะมีบทบาทในการป้องกันโรคนี้ ( อ้างอิงที่  21 )
ขมิ้นช่วยฆ่าเชื้อมาเลเรีย
สารสกัด เคอร์คิวมิน ในขมิ้น มีประสิทธิภาพที่ค้นพบทางการแพทย์เพิ่มเติมอีกหลายอย่าง เช่น พบคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อมาเลเรีย P Falciparum ทำให้ปัจจุบันมีการพัฒนาเพิ่มเติมที่จะนำมาใช้เป็นยารักษาหรือป้องกัน มาเลเรีย (อ้างอิงที่ 22)  การทดลองในหนูพบว่า หนูที่ได้รับประทานเคอร์คิวมิน สารสกัดจากขมิ้น สามารถลดปริมาณ เชื้อมาเลเรีย ( P Falciparum ) ได้ 80 - 90% ( อ้างอิงที่ 23 )
โดยสรุป ขมิ้นชันจึงจัดเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์กว้างขวาง ปลอดภัยเพราะเป็นพืชผักสวนครัว และมีงานวิจัยทางการแพทย์รองรับมาก  เนื่องจากขมิ้นช่วยขับน้ำดี จึงมีข้อแนะนำไม่รับประทานในผู้ป่วยที่เป็นนิ่วในท่อน้ำดี
ปัจจุบันนี้งานวิจัยของขมิ้นชันยังมีตลอดเวลา  โดยมีแนวโน้มที่จะนำสารสกัดมาศึกษาเพิ่มเติม จึงเป็นสมุนไพรไทยที่น่าภูมิใจและน่าใช้สำหรับคนไทย อย่างไรก็ตามการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพจากขมิ้นชันควรเลือกจากผู้ผลิตที่ ได้รับการรับรองหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิต ( Good Manufacturing Practice หรือ GMP ) เป็นอย่างน้อย รวมถึงมีการควบคุมคุณภาพของขมิ้นชันให้มั่นใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์ขมิ้นชันนั้นมีค่าสารสำคัญคือ เคอร์คิวมิน ตามมาตรฐานกำหนด มีความปลอดภัย

 
กิฟฟารีนอาหารเสริม
กิฟฟารีนอาหารเสริม
กิฟฟารีนอาหารเสริม

 

Phytonutrient ( ไฟโตนิวเทรียนท์ )

ไฟโตนิวเทรียนท์ ( Phytonutrient ) สารธรรมชาติจากผักและผลไม้ที่เป็นสารสำคัญ ที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ
  อาหารประเภทผัก ผลไม้ เป็นอาหารธรรมชาติที่มีสารสำคัญที่เรียกว่า Phytonutrient ( ไฟโตนิวเทรียนท์ )  มากมายหลายชนิด ไฟโตนิวเทรียนท์ เป็นสารธรรมชาติ ในผักผลไม้ที่เป็นสารสำคัญที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย หลายประการ ทั้งนี้ด้วยกลไกที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ( Antioxidant ) จากธรรมชาติ  อนุมูลอิสระคือ โมเลกุลที่มีธาตุที่ไม่มั่นคงเนื่องจากขาด อิเลกตรอน ไป 1ตัว  อนุมูลอิสระ ถือเป็นสารพิษที่สำคัญต่อเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกาย ถ้ามีมากในเซลล์ก็เป็นอันตรายได้ โดยจะทำลาย ดีเอนเอ เยื่อหุ้มเซลล์ และองค์ประกอบอื่นๆของเซลล์  นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า อนุมูลอิสระเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นการก่อให้เกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นการทำลายเนื้อเยื่อในระยะสั้น หรือมีผลในระยะยาวโดยเป็นสาเหตุของ ความเสื่อมหรือการแก่ของเซลล์ และอาจเป็นสารการก่อมะเร็ง โรคหัวใจ ต้อกระจก โรคทางภูมิคุ้มกันและโรคเรื้อรังอีกหลายชนิดอนุมูลอิสระ มีที่มาทั้งแหล่งภายนอกและภายในร่างกาย อนุมูลอิสระที่มาจากภายนอก

     ได้แก่ มลพิษในอากาศ ฝุ่น ควันบุหรี่ แสงแดด ความร้อน รังสีบางชนิด ยาบางชนิด จากแหล่งภายในร่างกาย ซึ่งส่วนมากจะเป็นของเสียในขบวนการเมตาโบลิสม ของเซลล์ เมื่อเกิดอนุมูลอิสระแล้ว ร่างกายก็มีกลไกที่จะกำจัด อนุมูลอิสระ เหล่านี้โดยใช้เอนไซม์ต่าง ๆ และใช้สาร ไฟโตนิวเทรียนท์ที่สำคัญ เช่น วิตามิน อี  ( a-tocopherol )  เบตาคาโรทีน  ( Beta-carotene ) และวิตามิน ซี (Vitamin C) จากผักผลไม้และอาหาร
  ไฟโตนิวเทรียนท์จากผักและผลไม้ ถือเป็นแหล่งสำคัญของสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก  ปัจจุบัน จึงมีการสนับสนุนให้ทานผักและผลไม้มากขึ้น โดยมีความเชื่อว่าอาจลดการก่อมะเร็ง ลดการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดและ โรคเรื้อรังบางชนิด
     ไฟโตนิวเทรียนท์ที่มีในผักและผลไม้ที่ทำหน้าที่เป็นสารต้าอนุมูลอิสระและมี คุณประโยชน์เป็นที่ยอมรับ มีดังนี้คือ  ชาเขียว มี สารสำคัญเป็น Polyphenol (โพลีฟีนอล) ที่ชื่อ Catechin (คาเทชิน) ทับทิม มี สารประเภท Flavonoid (ฟลาโวนอยด์) แครอท มี Beta-carotene ( เบต้าคาโรทีน )  มะเขือเทศ มี Lycopene (ไลโคปีน) มิกซ์เบอร์รี่  มี Flavonoid ชื่อ Anthocyanosides (แอนโธไซยาโนไซด์) ใน Bilberry  อะเซโรลา เชอร์รี่ มี Vitamin C ถือเป็นแหล่งวิตามินซีธรรมชาติที่มีคุณภาพสูง  บร็อคโคลี่ มี Sulforaphane (ซัลโฟราเฟน) โรสแมรี่ มี Rosemarinic acid (โรสแมรินิค แอซิด) แอปเปิ้ล มีสารประเภท Polyphenol (โพลีฟีนอล) เช่นกัน  อัลฟัลฟ่า มี Saponins (ซาโปนิน) มะกอกมี   Oleuropein (โอลีโรเปอิน) เมล็ดองุ่นมี    Proanthocyanidin (โปรแอนโธไซยานิดิน) หรือ พีซีโอ (PCO:  Procyanidolic Oligomers)ขมิ้นมีสารสำคัญคือ  Curcumin (เคอร์คิวมิน) ผักโขม มีใยผัก วิตามินแร่ธาตุหลายชนิด
     รายงานที่บอกว่าการทานผักและผลไม้ สามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมีมากมายซึ่งคิดว่ากลไกทั้งด้านที่ผัก และผลไม้มีสารกากใยมากซึ่งจะช่วยทางด้านลดมะเร็งลำไส้ใหญ่  ( อ้างอิงที่  1  ) นอกจากนี้คือกลไกทางด้านต้านอนุมูลอิสระ จากสารไฟโตนิวเทรียนท์  ตัวอย่างรายงานวิจัยเรื่องลดความเสี่ยงของโรค มะเร็ง มีมากมาย รายงานแรก พบว่า   ผักและผลไม้ลดความเสี่ยงต่อมะเร็งกระเพาะอาหารได้ ถึง 5.5  เท่า ซึ่งรายงานนี้ก็เป็นรายงานใหญ่ในการศึกษาแบบติดตามคนไข้ถึง 11,546  คนเป็นเวลา 25  ปี  ( อ้างอิงที่ 2 )  ผักและผลไม้ลดความเสี่ยงต่อมะเร็งปอด ก็มีรายงานเช่นกัน  ( อ้างอิงที่  3  ) บางรายงานตรวจสอบชัดลงไปได้ถึงชนิดของผักด้วยเช่นพบว่า ผักที่มีสีเหลืองเช่น แครอท  พบว่าลดมะเร็งของปอดได้มากกว่าผักชนิดอื่นเป็นต้น  ( อ้างอิงที่ 4 ) นอกจากนี้มีรายงานใหญ่ที่ติดตามการเป็นมะเร็งของประชากร 10,068 คน เป็นเวลาถึง 19  ปี  ซึ่งในจำนวนนี้พบมะเร็งปอด 248  คน แต่ก็พบว่ากลุ่มที่มีการทานผักและผลไม้ที่มีวิตามิน เอ หรือ เบต้าคาโรทีน จะสามารถลดความเสี่ยงของมะเร็งปอดได้  ( อ้างอิงที่ 5  ) การทานผักและผลไม้ที่มี เบต้าคาโรทีน วิตามิน ซี วิตามิน อี สูงสามารถที่จะลดอุบัติการการเป็นมะเร็งเต้านมได้จริงในสตรีวัยเจริญพันธ์ จากการติดตาม คนไข้ 83,234  คน เป็นเวลา 14 ปี ( อ้างอิงที่ 6 ) มะเร็งกระเพาะปัสสาวะลดความเสี่ยงได้ด้วยการทาน ผักประเภท บร็อคโคลี และหัวผักกาด ( อ้างอิงที่ 7 ) นอกจากนี้ผักและผลไม้ที่มี เบต้าคาโรทีนสูงก็มีผลต่อการลดอุบัติการณ์ของโรคหัวใจขาดเลือดได้จริง จากการวิจัยย้อนหลังในคนไข้ 4,802  คนติดตามไป  4 ปี  ( อ้างอิงที่ 8 )
     การรับประทานผักและผลไม้ จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างแท้จริง ในผู้ที่ไม่สามารถจะทานผักและผลไม้ได้ หรือทานได้น้อย ปัจจุบันก็มีอาหารสุขภาพที่สกัดสารสำคัญจากผักและผลไม้ ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้บริโภค
เอกสารอ้างอิง

 
กิฟฟารีนอาหารเสริม
กิฟฟารีนอาหารเสริม
กิฟฟารีนอาหารเสริม

รื่องน่ารู้เกี่ยวกับอาหารสุขภาพ ที่มีคุณประโยชน์สำหรับความงาม

ปัจจุบัน ทั่วโลกมีผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพที่ให้สารอาหารซึ่งสามารถซ่อมแซม และบำรุงโครงสร้างผิวมากมายหลายชนิด การรับประทานร่วมกันยังช่วยเสริมการทำงานซึ่งกันและกัน เพิ่มความนุ่มนวล ชุ่มชื่นและความยืดหยุ่นให้แก่ผิวพรรณ ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ ฟื้นฟูสภาพผิวที่ถูกทำลาย ช่วยในการไหลเวียนของโลหิตบริเวณผิวหนัง ช่วยทำให้เซลล์ผิวหนังกระชับ แข็งแรง ทำให้ผิวพรรณดูสดใส สวยงาม มีชีวิตชีวา อาหารสุขภาพที่มีคุณประโยชน์สำหรับความงาม มีหลายชนิด อาทิเช่น

คอลลาเจน
คอลลาเจน (Collagen) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง มีส่วนสำคัญทำให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ช่วยสร้างความตึงกระชับให้กับผิว (อ้างอิงที่ 1)

 

             

สารสกัดจากเมล็ดองุ่น
สารสกัดจากเมล็ดองุ่น เป็นสารประเภทไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoid) มีสารที่สำคัญหลายตัว เป็นกลุ่มของโปรแอนโธไซยานิดิน (Proanthocyanidin) หรือมีอีกชื่อว่า พีซีโอ (PCO ; Procyanidolic Oilgomers) มีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทำให้ชะลอการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวจากภายใน และป้องกันการทำลายผิวจากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยทำในประเทศญี่ปุ่น พบว่า สารสกัดจากเมล็ดองุ่นช่วยรักษาฝ้า ได้จริง
(อ้างอิงที่ 2, 3)

ไลโคพีน
เป็นสารแคโรทีนอยด์ส่วนใหญ่ที่พบได้ในมะเขือเทศ มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันการทำลายผิวจากแสงยูวี และแสงแดดได้ ด้วยกลไกการต้านอนุมูลอิสระ การต้านการอักเสบ และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
(อ้างอิงที่ 4-5)

กรดอัลฟา-ไลโปอิก
เป็นโคเอนไซม์ที่สำคัญในวงจรการเผาผลาญอาหาร และเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์  ยังมีงานวิจัยเรื่องช่วยบำรุงเส้นประสาทในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานอีกด้วย (อ้างอิงที่ 6)

        มี Beta-glucan  ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของผิวต่อเชื้อโรค มลภาวะและชะลอการเสื่อมของเซลล์  ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่ถูกทำลาย นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนของผิวหนัง (อ้างอิงที่ 7 )

สารสกัดจากชาเขียว
มี Polyphenol ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการแก่ของทุกเซลล์ นอกจากนี้ยัง ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย   ช่วยลดความเสี่ยงของผิวต่อการเกิดมะเร็ง และอาจลดความเสี่ยงของมะเร็งอีกหลายชนิด เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะอาหาร (อ้างอิงที่ 8, 9 )

สารสกัดจากบิลเบอร์รี่
มีสารในกลุ่มแอนโธไซยานิน (Anthocyanins) คล้ายกับสารสกัดจากเมล็ดองุ่นเช่นกัน คือมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเสื่อมของเซลล์ และลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง  (อ้างอิงที่ 10)

โคเอนไซม์-คิวเทน
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีชื่อเสียงและมีงานวิจัยตลอดจนมีการนำมาทำเป็น อาหารเสริมทั่วโลก (อ้างอิงที่11)

แอล-กลูตาไธโอน
กลูตาไธโอน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น ด้วยการลดการสร้างเม็ดสีที่เป็นสีดำในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (อ้างอิงที่ 12-13)

โปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง
ในถั่วเหลืองมีสารจีเนสทีน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นฮอร์โมนจากพืช มีประโยชน์ในสตรีหมดประจำเดือน ยังมีรายงานว่ามีประโยชน์ในโรคหัวใจ โรคกระดูกบาง  (อ้างอิงที่ 14)

วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามิน ซี สังกะสี และซีลีเนียม
วิตามินบี 1 ช่วยให้ร่างกายได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต และมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ วิตามินบี 2 ช่วยให้ร่างกายได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน วิตามินซี มีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงมีส่วนช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจน และเนื้อเยื่อของเอ็นกระดูกอ่อนซีลีเนียมมีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้าน อนุมูลอิสระ ส่วนสังกะสี ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย (อ้างอิงที่ 15)

 
กิฟฟารีนอาหารเสริม
กิฟฟารีนอาหารเสริม
กิฟฟารีนอาหารเสริม
 
 

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ อี จี ซี และชาเขียว

ชาเขียว ให้ประโยชน์แก่ร่างกายมากมายหลายประการ  โดยมีสารสำคัญที่ทำให้เกิดประโยชน์ (Active Health Component) ที่เรียกว่า โพลีฟีนอล (Polyphenols) หรือเรียกกันทั่วไปว่า คาเทชิน (Catechins) ซึ่ง Catechins นี้จะมีปริมาณ 30-40 % ของส่วนที่เป็นของแข็งที่สามารถสกัดได้จากใบชาเขียวแห้ง (อ้างอิงที่ 1)
คาเทชินที่อยู่ในชาเขียว ประกอบไปด้วย Epigallocatechin-3-gallate (EGCG), Epicatechin-3-gallate, Epicatechin, Epigallocatechin, Gallocatechin gallate and Catechin ในทั้งหมดนี้ สารที่มีมากที่สุดคือ Epigallocatechin-3-gallate หรือ  อี จี ซี จี (EGCG)     ขนาดใบชาเขียวแห้ง 1 ซอง (1.5 กรัมต่อซอง) จะให้ EGCG ประมาณ 35 – 110 mg  (อ้างอิงที่ 2)   EGCG นับได้ว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ  ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในชาเขียว และมีปริมาณมากที่สุด (อ้างอิงที่ 3) มีความแรงของการต้านอนุมูลอิสระมากกว่า วิตามินซี และวิตามินอี 25-100 เท่า          การรับประทานชาประมาณ 1 แก้วต่อวัน จะให้สารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าการรับประทาน แครอท บรอคเคอรี ผักโขมและสตรอเบอร์รี ในขนาดที่รับประทานในแต่ละมื้อ (อ้างอิงที่ 4) และมีหลายงานวิจัยระบุว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้

             

1. ช่วยลดความอ้วน ด้วยกลไกของการกระตุ้นปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมัน (Stimulates Fat Oxidation)       มีรายงานวิจัยที่มีข้อมูลสนับสนุนว่า EGCG ช่วยเพิ่มกระบวนการเผาผลาญพลังงานของเนื้อเยื่อไขมัน และมีรายงานการทดลองในคนแล้วว่า ช่วยลดความอ้วนได้(อ้างอิงที่ 5-8)  นอก จากนี้ มีงานวิจัยที่ทำในคนไทย โดยแบ่งผู้ที่น้ำหนักเกินเป็นสองกลุ่ม ได้รับสารสกัดชาเขียว และยาปลอม กลุ่มที่ได้รับชาเขียวมีน้ำหนักน้อยกว่า 2.7, 5.1 และ 3.3 ก.ก.    ในสัปดาห์ที่ 4, 8  และ 12 ของการวิจัย  ( อ้างอิงที่ 9)

 

2. ช่วยลดไขมันในเลือด แม้จะลดไขมันในเลือดได้ไม่มากนักแต่ก็มีงานวิจัยที่ดีรองรับสองงานวิจัย ในงานวิจัยแรก พบว่า เมื่อรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงการดื่มชาในปริมาณปานกลางหรือปริมาณมาก ร่วมด้วย จะลดปริมาณ ไขมันในเลือดชนิด ไตรกลีเซอไรด์ลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ในช่วง 6 ชั่วโมงหลังทานอาหารและดื่มชา โดยลดการเพิ่มระดับของไขมันชนิด ไตรกลีเซอรไรด์ในเลือดได้ถึง 15.1-28.7% (อ้างอิงที่10)  อีกงาน วิจัยพบว่า ผู้ที่ดื่มชาประมาณ สองถ้วยต่อวัน สามารถลดไขมันในเลือดชนิดโคเลสเตอรอลลงได้เล็กน้อย (119.9 เป็น 106.6 มก./ดล.)  แต่ก็มีนัยสำคัญทางคลินิก  (อ้างอิงที่ 11)
3. ช่วยโรคเส้นเลือดอุดตัน มีรายงานวิจัยว่า  สารสำคัญในชาเขียว สามารถลดการหดเกร็งของเส้นเลือดฝอย ลดการเกิดตะกอน (Plaque) ในเส้นเลือดฝอย ทำให้ลดอุบัติการณ์ของโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด (Myocardial Infarction) และอัมพฤกษ์ อัมพาตจากเส้นเลือดตีบตัน (Stroke)  (อ้างอิงที่ 12-16) นอกจากนี้ EGCG        ยังเป็นตัวยับยั้งการเกิด การสันดาป Oxidation ของโคเลสเตอรอล  ทำให้ลดการเกิด การสะสมสร้างตะกอน (Plaque) ในเส้นเลือดจากโคเลสเตอรอล ทำให้ลดการเกิด เส้นเลือดแข็งตัวตีบตัน (Atherosclerosis)  และลดอุบัติการณ์ของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (Coronary Atherosclerosis) (อ้างอิงที่ 17-19)  ในงานวิจัยในสัตว์ทดลองยังลดการเกิดเส้นเลือดในปอดตีบตัน (Pulmonary Thrombosis) อีกด้วย (อ้างอิงที่ 15) ส่ง ให้เป็นผลดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดหัวใจ ไม่นานนี้มีงานวิจัยทางระบาดวิทยาในคนญี่ปุ่น พบว่า ผู้ที่ดื่มชาเขียว จะลดการเกิดโรคเส้นเลือดทางสมองทั้งโรคเส้นโลหิต      ในสมอง แตก (Cerebral hemorrhage) และเส้นเลือดสมองตีบ  (Cerebral infarction) ได้จริง (อ้างอิงที่ 20)
4. ต่อต้านอนุมูลอิสระ และต่อต้านมะเร็ง (Antioxidant and Anticancer) ชาเขียวมีผลต่อการยับยั้งการเกิดมะเร็งได้หลายชนิดทั้งในคนและสัตว์ เพราะมีฤทธิ์ทางด้านการต้านอนุมูลอิสระอย่างมาก จากการวิเคราะห์งานวิจัยที่เชื่อถือได้ของ Cochrane Database ตีพิมพ์ล่าสุด จำนวน 51 งานวิจัยทั่วโลก แม้จะมีจำนวนงานวิจัยที่จำกัด พบว่าการดื่มชาเขียว ลดอุบัติการณ์เกิด มะเร็งตับ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งตับอ่อน (อ้างอิงที่ 21)
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยเพิ่มเติมว่า การดื่มชาเขียวปริมาณมากยังลดการเกิด มะเร็งมดลูก (endometrial adenocarcinoma) มะเร็งเต้านม และมะเร็งถุงน้ำดี ได้อีกด้วย (อ้างอิงที่ 22-24) การดื่มชาเขียวที่ร้อนมีงานวิจัยว่าอาจเพิ่มมะเร็งหลอดอาหารใน ชาวตะวันออกกลาง ยิ่งร้อนมากยิ่งเพิ่มมาก (อ้างอิงที่ 25) แต่ก็พบว่ากลับลดการเกิด มะเร็งหลอดอาหาร ในชาวเอเชีย และสำหรับคนเอเชีย อาหารที่ร้อนจัดอื่น ๆ จะเพิ่มการเกิดมะเร็งหลอดอาหาร (อ้างอิง ที่ 26-27) ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือ ถ้าจะดื่มชาร้อน ก็ไม่ควรให้ร้อนจัดจนเกินไป 
ทั้งนี้เพราะสารสกัดประเภทโพลีฟีนอลในชาเขียวมีผลยับยั้งมะเร็งจำนวนมากด้วย กลไกที่หลากหลายโดยเฉพาะสารสำคัญตัวหนึ่งในชาเขียวคือ epigallocatechin-3-gallate (EGCG) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณภาพสูงในชาเขียว ยังมีผลยับยั้งเซลล์มะเร็งของคนได้หลายชนิดอย่างชัดเจน ที่มีงานวิจัยในเซลล์มะเร็งของคนพบว่าสามารถยับยั้งการเจริญการแบ่งตัว และทำลายเซลล์มะเร็งของคนได้หลายชนิด ได้แก่ มะเร็งกระเพาะอาหาร (อ้างอิงที่ 28-30) มะเร็งปอด (อ้างอิงที่ 31-32) มะเร็ง ต่อมน้ำเหลืองชนิด นอนฮอดกินจ์  Human high-grade non-Hodgkin’s lymphoma (อ้างอิง  ที่ 33) มะเร็งหู คอ จมูก Human head and neck squamous cell carcinoma (อ้างอิงที่ 34-35) มะเร็งตับ (อ้างอิงที่     36-37) มะเร็งปากมดลูก (อ้างอิงที่ 38-39) มะเร็งต่อมลูกหมาก (อ้างอิงที่ 40-43) มะเร็งสมอง ชนิด  Medulloblastoma (อ้างอิงที่ 44) มะเร็งเต้านม (อ้างอิงที่ 45-47) มะเร็งลำไส้ใหญ่ (อ้างอิงที่ 48-50) มะเร็งรังไข่ (อ้างอิงที่ 51) มะเร็งผิวหนังที่เกิดจากไฝ  Human melanoma (อ้างอิงที่ 52) มะเร็งตับอ่อน (อ้างอิงที่ 53-54) มะเร็ง เม็ดเลือดขาวหกชนิด ได้แก่  Lymphoblastoid B cells,  Myeloid leukemic cells,  B cell,  Multiple myeloma และ HL 60 และ HL 62 (อ้างอิง      ที่ 55-59) มะเร็ง ปาก Oral carcinoma cell (อ้างอิงที่ 60) มะเร็งกระดูก (อ้างอิงที่ 61) มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (อ้างอิงที่ 62) มะเร็งท่อน้ำดี (อ้างอิงที่ 63) มะเร็งต่อมหมวกไต (อ้างอิงที่ 64)  
ข้อควรระวังในการดื่มชาเขียวคือ ในชาเขียวตามธรรมชาติ มีสารคาเฟอีน ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้ไม่ง่วงนอน   จึงเป็นที่แนะนำว่า ไม่ควรรับประทาน ชา/กาแฟ ก่อนนอน เพราะจะทำให้นอนไม่หลับ และไม่ควรบริโภคในเด็ก นอกจากนี้ไม่ควรดื่มชาที่ร้อนจัด (เพราะอาจเพิ่มมะเร็งหลอดอาหารได้ จากบางวิจัยตะวันออกกลาง แม้ในเอเชียจะลดมะเร็งนี้ก็ตาม)
สารสกัดจากชาเขียว อีจีซีจี จะมีคุณประโยชน์เทียบเท่ากับการดื่มชาเขียวคุณภาพดี แต่จะมีสารคาเฟอีนในปริมาณที่น้อยมากๆ  คือในปริมาณ เพียง 0.05 ม.ก. ซึ่งน้อยกว่าชาเขียวที่ชงดื่มทั่วไป ถึงประมาณ 900 เท่า ทำให้ไม่มีผลต่อการกระตุ้นประสาท หรือนอนไม่หลับ แต่อย่างใด และไม่มีอันตรายหรือความเสี่ยงมะเร็งเพิ่มขึ้นจากการดื่มชา  ที่ร้อนอีกด้วย

 

 
กิฟฟารีนอาหารเสริม
กิฟฟารีนอาหารเสริม
กิฟฟารีนอาหารเสริม
 
 

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ อาหารสุขภาพ ที่มีคุณประโยชน์ต่อหัวใจ

โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นโรคที่มีอุบัติการณ์สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  เนื่องจากมีสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยง ดังนี้
1.  พฤติกรรมการบริโภคที่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง รวมถึงการรับประทานอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดที่
ประกอบไปด้วยแป้ง ไขมัน
2. ขาดการออกกำลังกาย 
3. ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่และการดื่มสุรา รวมทั้งการเป็นโรคเบาหวาน

ปัจจัยเบื้องต้นเป็นสาเหตุต่อการนำไปสู่ภาวะโคเลสเตอรอลในเลือดสูง การเกิดภาวะโคเลสเตอรอลในเลือดสูงจะทำให้มีไขมันไปพอกเกาะที่ผนังหลอดเลือด ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ระดับโคเลสเตอรอลที่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดตีบและอาจเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดได้ (อ้างอิงที่ 1)
    
อาหารสุขภาพที่มีงานวิจัยรองรับว่า มีคุณประโยชน์ต่อหัวใจมีหลายชนิด อาทิเช่น

ลูทีน และซีแซนทีน
ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin)  เป็นสารรงควัตถุ อย่างหนึ่งในพืช พบได้ในผักและผลไม้ เช่น แครอท
ข้าวโพด  มีงานวิจัยทางระบาดวิทยา จำนวนมาก ในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต้อกระจก cataract และจอตาเสื่อม age-related macular degeneration  (อ้างอิงที่ 2) และมีงานวิจัยระบาดวิทยา ในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และ อัมพาตอัมพฤกษ์ ด้วยเช่นกัน ด้วยกลไกที่น่าจะเกิดจากการลดการเกิดตะกอนในเส้นเลือด (Atherosclerosis) (อ้างอิงที่ 2, 3)

สารสกัดจากชาเขียว (อีจีซีจี)
อีจีซีจี (EGCG) เป็นสารคาเทชิน (Catechins) ชนิดสำคัญที่สกัดได้จากชาเขียว มีหลายงานวิจัยที่ชี้บ่งว่า ช่วยในการลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ ดังนี้
:   ลดอุบัติการณ์ของโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด (Myocardial infarction)
: ยับยั้งการสันดาป Oxidation ของโคเลสเตอรอล ทำให้ลดการเกิดการสะสมสร้างตะกอน (Plaque) ในเส้นเลือดจากโคเลสเตอรอล ส่งผลทำให้ลดการเกิดเส้นเลือดแข็งตัวตีบตัน (Atherosclerosis)และลดอุบัติการณ์ของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (Coronary Atherosclerosis) (อ้างอิงที่ 4-10)

ทับทิม
ทับทิม มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น Polyphenols, Anthocyanins, Ellagic acid derivatives มีหลายงานวิจัยทางการแพทย์ที่แสดงถึงว่า ทับทิมมีประโยชน์ในการลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับหัวใจ ดังนี้
:   มีงานวิจัยว่า การดื่มน้ำทับทิมสามารถลดการเกิด Plaque หรือตะกอนของผนังเส้นเลือดแดงลงได้ ถึง 30% ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด (อ้างอิงที่ 11)
:   ทำให้เส้นเลือดที่หนาตัว และมีไขมันสะสม มีความหนาตัวลดลง และช่วยลดไขมันสะสมลง (อ้างอิงที่ 12-14)

 
น้ำยารีดผ้าเรียบเอ็กซ์ตรีม CODE : 11705
น้ำยารีดผ้าเรียบเอ็กซ์ตรีม CODE : 11705
น้ำยารีดผ้าเรียบเอ็กซ์ตรีม CODE : 11705
น้ำยารีดผ้าเรียบเอ็กซ์ตรีม
CODE : 11705
 
คุณสมบัติ : น้ำยารีดผ้าเรียบสูตรเข้มข้น สามารถผสมน้ำให้เจือจางตามชนิดของผ้า หรือ ระดับความเรียบที่ต้องการ จึงช่วยให้ประหยัดได้มากกว่า อีกทั้งไม่มีส่วนผสมของแป้ง จึงช่วยให้ผ้ารีดลื่น เรียบอยู่ทรงได้ยาวนานยิ่งขึ้น โดยไม่ทิ้งคราบ หรือแตกเป็นสะเก็ด และส่วนผสมของ Triclosan ช่วยยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อรา อันเป็นสาเหตุของกลิ่นอับ พร้อมสูตรปกป้องใยผ้า โดยเมื่อน้ำยาถูกความร้อนขณะรีด จะเปลี่ยนเป็นฟิล์มเคลือบเส้นใยผ้า ป้องกันสิ่งสกปรกฝังลึก โดยไม่ตกค้าง ไม่สะสม และไม่ทำให้ผ้าเหลืองหรือดูหมอง
 
วิธี ใช้ : ผสมน้ำยากับน้ำในขวดผสม เขย่าขวดให้น้ำยาผสมเข้ากัน ปรับระดับความร้อนเตารีดให้เหมาะกับชนิดของเนื้อผ้า ฉีดน้ำยาที่ผสมแล้วลงบนผ้า (ห่างจากผ้าประมาณ 8-12 นิ้ว) ให้กระจายทั่วบริเวณที่จะรีด
 
Content : 500 ml.
Price 220 Bath.
 
แชมพูสูตรสมุนไพร เฮอร์บิต้า ( สูตร 2 ผมธรรมดา) CODE : 14105
แชมพูสูตรสมุนไพร เฮอร์บิต้า ( สูตร 2 ผมธรรมดา) CODE : 14105
แชมพูสูตรสมุนไพร เฮอร์บิต้า ( สูตร 2 ผมธรรมดา) CODE : 14105
แชมพูสูตรสมุนไพร เฮอร์บิต้า ( สูตร 2 ผมธรรมดา)
CODE : 14105
 
มี 3 สูตรเพื่อ 3 สภาพเส้นผม
สูตร 1 สำหรับผมมันผสมสารสกัดจากฝักส้มป่อย ช่วยให้เส้นผมและหนังศีรษะ สะอาด เส้นผมนุ่มสลวย และมีสุขภาพดี
สูตร 2 สำหรับผมธรรมดามีส่วนผสมของ Polyquaternium, Moisturizer และสารสกัดจากดอกอัญชัน ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของเส้นผม ทำให้เส้นผมแข็งแรง หวีง่าย และดกดำเป็นเงางาม
สูตร 3 สำหรับผมแห้งมีส่วนผสมของ Poly Quaterinum Demethi Conol และน้ำมันมะกอก ช่วยคงความชุ่มชื้น และปกป้องเส้นผมให้แข็งแรง นุ่มสลวย แลดูมีชีวิตชีวา
 
 
Content : 200 ml.
Price 120 Bath.
 
 
 
เฮอร์บิตา แฮร์โทนิค CODE : 11302
เฮอร์บิตา แฮร์โทนิค CODE : 11302
เฮอร์บิตา แฮร์โทนิค CODE : 11302
เฮอร์บิตา แฮร์โทนิค
CODE : 11302
 
แฮร์ โทนิคโลชั่นเพื่อการบำรุงสุขภาพผม และหนังศีรษะที่สูงด้วยคุณค่าและคุณภาพ มีส่วนผสมของ Moisturizer, Hydrolyzed Protein, Pro-Vitamin B5 และสารสกัดจากสมุนไพรไทย ที่ช่วยปกป้องและบำรุงเส้นผมตลอดจนหนังศีรษะ ได้แก่ มะกรูด ดอกอัญชัน และส้มป่อย ที่ช่วยให้รากผมแข็งแรง หนังศีรษะมีสุขภาพดี และเส้นผมนุ่มสลวย ชุ่มชื่น เป็นเงางาม
 
 
Content : 200 ml.
Price 140 Bath.
 
 	 กิฟฟารีน กลามอรัส บูเต้ ลิป ทรีทเมนท์ บาล์ม เอสพีเอฟ 10 พีเอ+ CODE : 12111
กิฟฟารีน กลามอรัส บูเต้ ลิป ทรีทเมนท์ บาล์ม เอสพีเอฟ 10 พีเอ+ CODE : 12111
กิฟฟารีน กลามอรัส บูเต้ ลิป ทรีทเมนท์ บาล์ม เอสพีเอฟ 10 พีเอ+ CODE : 12111
กิฟฟารีน กลามอรัส บูเต้ ลิป ทรีทเมนท์ บาล์ม เอสพีเอฟ 10 พีเอ+
CODE : 12111
 
มอบสัมผัสชุ่มชื่น ปกป้องอย่างอ่อนละมุน
เพื่อริมฝีปากเปล่งปลั่ง เนียนใส อมชมพู

ลิป ทรีทเมนท์ เนื้อบาล์มบางเบา แต่มอบการบำรุงอย่างล้ำลึก เพื่อแก้ปัญหาริมฝีปากหมองคล้ำอย่างอ่อนโยนแต่ตรงจุด ด้วยส่วนผสมของสารบำรุงที่คืนความชุ่มชื่น ประสานประสิทธิภาพกับ 3 นวัตกรรมใหม่แห่งวงการความงาม ...
• Radiance CR ตรงเข้าบำรุงเพื่อเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวริมฝีปากที่เคยแลดูหมองคล้ำ พร้อมช่วยให้ริ้วรอยแลดูลดเลือน
• Coenzyme Q10 ที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เพื่อให้ริ้วรอยลึกแลดูเรียบเนียนขึ้น
• PARSOL MCX สารกันแดดอันทรงประสิทธิภาพในการปกป้องริมฝีปากจากรังสี UV ในแสงแดด อันเป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้ริมฝีปากหมองคล้ำ
 
วิธีใช้ : ใช้ทาริมฝีปากได้ตลอดทั้งวันตามต้องการ
 
Content : 5.5 กรัม
Price 300 Bath.
 
 
 
 	 กิฟฟารีน กลามอรัส บูเต้ อินเทนซีฟ รีเจเนอเรทครีม CODE : 15011
กิฟฟารีน กลามอรัส บูเต้ อินเทนซีฟ รีเจเนอเรทครีม CODE : 15011
กิฟฟารีน กลามอรัส บูเต้ อินเทนซีฟ รีเจเนอเรทครีม CODE : 15011
กิฟฟารีน กลามอรัส บูเต้ อินเทนซีฟ รีเจเนอเรทครีม
CODE : 15011
 
กิฟฟา รีน กลามอรัส บูเต้ อินเทนซีฟ รีเจเนอเรท ครีม ไฮโดร โอเอซิส คอนเซ็นเทรท ฟอร์มูเลชั่น ครีมบำรุงผิวหน้า สูตรเข้มข้น ด้วยส่วนผสมของ RADIANCE CR ชะลอการเกิดริ้วรอย ทำให้ผิวเนียนนุ่มกระจ่างใสขึ้น ช่วยเติมความชุ่มชื้นและกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย ด้วยสารบำรุงผิวสำคัญจากCaviar Extract (Hydrolyzed Roe ) สารสกัดจากคาเวียร์ สารบำรุงสกัดเข้มข้น จากท้องทะเล โดยสกัดจากไข่ปลาสเตอร์เจียนแท้ (Caviar Roe) อุดมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุต่างๆ เช่น โปรตีน กรดอมิโน ไกลโคเจน ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการบำรุงผิวขาว
 
 
Content : 40 กรัม
Price 900 Bath.
 
 
 
Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 84,091 Today: 2 PageView/Month: 141

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...